กามเทพขังรัก (อ่านได้ที่ meb)
"ถ้าเธอรักฉัน ก็อย่าไปมองผู้ชายคนอื่น แจกยิ้มเรี่ยราดอย่างนั้นอีก" "แล้วถ้าฉันขอเหมือนคุณบ้างล่ะคะ คุณจะยอมทำไหม" "เธอคิดว่าเธอเป็นใคร หืม! อย่าคิดที่จะมาออกคำสั่งกับฉัน!"
ผู้เข้าชมรวม
63
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
วิวาห์จำยอม NC
'รักกันนาน ๆ มีหลานไว ๆ นะลูก' เสียงคุณเพ็ญแขมารดาของสามีหมาด ๆ ยังคงดังกึกก้องอยู่ข้างหู แม้ท่านจะออกจากห้องไปนานแล้ว ทว่าด้วยความเงียบเชียบชวนอึดอัดบวกกับคำอวยพรที่น่าตกใจนั่นด้วยล่ะมั้ง เลยทำให้เธอนั่ง พวงแก้มแดงซ่านเกินกว่าจะปิดบังมันเอาไว้ได้ ซึ่งต่างจากฝ่ายเจ้าบ่าวที่เมื่อหมดหน้าที่เสแสร้งก็รีบขยับตัวถอยห่างคนตัวเล็กราวกับรังเกียจ
"เรื่องที่แม่ฉันพูดเมื่อกี้ก็ทำเป็นลืม ๆ ไปซะ เพราะยังไงเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี"
รามิลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากดวงตาที่พิศมองร่างเล็กกลับแฝงไปด้วยไฟโทสะที่สามารถแผดเผาคนที่โดนมองกลายเป็นจุณในพริบตาเดียว
ช่อพิกุลหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าแม้แต่มองปลายเท้าของเขา
เธอรู้จักกับรามิลเพราะเป็นพนักงานในบริษัทของเขามาสองปี ก่อนที่เขาจะคบกับรสาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมเลยแอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขา กระนั้นเมื่อเขามีใจให้เพื่อนเธอ เธอก็พร้อมหลีกทางและคอยให้คำปรึกษาจนเขาจีบรสาได้สำเร็จ
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่เธอแทบไม่รู้จักก็เกิดขึ้น เมื่อตอนเช้าของเดือนที่ผ่านมา เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าบนเตียงกว้างมีเธอนอนเปลือยอยู่ข้างกาย เวรซ้ำกรรมซัดคุณเพ็ญแขและแฟนสาวของเขาดันเปิดประตูเข้ามาพบภาพอุจาดตานั่นอีก
รสาร้องไห้โฮก่อนบอกเลิกแฟนหนุ่มและหันมาตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่คบกันมาเกือบห้าปีหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อหล่อนได้อีกเลย
รามิลทั้งโกรธ ทั้งก่นด่าเธอสารพัด คำพูดที่รุนแรงที่สุดก็คือ เขากล่าวหาว่าเธอร่านถึงขนาดทรยศหักหลังเพื่อนตัวเองลงคอ หากความเป็นจริง เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดถึงมานอนในห้องกับเขาได้ รู้เพียงแค่ว่าพอโดนต่อว่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรงแบบไม่ทันได้ตั้งรับ เขื่อนน้ำตาก็พังครืนจนห้ามมันเอาไว้ไม่อยู่
"..."
"อ้อ อีกเรื่อง...ฉันเปลืองเงินสินสอดไปตั้งมากมาย เพราะงั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ร่างกายของเธอก็คือของฉัน ห้ามขัดขืนเด็ดขาดเพราะเธอไม่มีสิทธิ์ปริปากปฏิเสธใด ๆ ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาหาฉัน"
ชายหนุ่มเอ่ยข้อตกลงค่อนไปทางบังคับ แล้วเธอจะคัดค้านเขาได้อย่างไร นอกเสียจากก้มหน้ายอมรับอย่างคนขลาดเขลา
"แก้ชุดออก แล้วนอนรอฉันบนเตียง ถ้าฉันออกมาจากห้องน้ำแล้วยังเห็นอยู่ในสภาพนี้ เธอไม่ตายดีแน่" ออกคำสั่งเสร็จ เขาก็ก้าวอาด ๆ เข้าห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย
ช่อพิกุลกำชุดเจ้าสาวแน่นขนัดจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน นึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาทำเหมือนกับเธอเป็นผู้หญิงขายตัว
รามิลที่เธอรู้จักหายไปไหนกันนะ...
"อ้าออกสิ จะหุบไว้ทำไม ทีตอนแก้ผ้าให้ฉันเอาฟรี ๆ ยังทำมาแล้ว ตอนนี้ไม่ให้เอาฟรี ๆ แล้วนี่จะอายอะไรฮะ!" ชายหนุ่มที่เดินโทง ๆ ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่าตะหวาดเสียงดังลั่น เมื่อร่างบางเอาแต่หุบขา ถอยตัวหนีต่อต้านทุกสัมผัสจากเขา
"คุณมิล คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย"
"เออ คนอย่างฉันจะเป็นลูกผู้ชายก็ต่อเมื่ออยู่กับคนที่ดี ไม่ใช่เสแสร้งเหมือนเธอ"
คนตัวโตไม่ว่าเปล่ารีบคว้าเอาข้อเท้าเล็กลากประชิดตัว ถ่างเรียวขาเสลาแยกจากกัน จากนั้นจึงแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงช่องว่างระหว่างขาสองข้าง
"ฮึก...มันจะมากเกินไปแล้วนะ" หญิงสาวเอ่ยเสียงสะอื้น สองมือปัดป้องฝ่ามือใหญ่ที่สาละวนอยู่หน้าอกอวบ หากแรงอันน้อยนิดก็ไม่สามารถทำให้เขายอมรามือได้
"มากไปงั้นเหรอ ฉันต่างหากต้องเป็นคนพูดคำนั้น เธอเป็นต้นเหตุทำให้ความรักของฉันพังก็ต้องรับผิดชอบสิ"
"อ๊ะ..." ไม่มีการเล้าโลมใด ๆ ตัวตนที่พองขยายใหญ่กว่าช่องทางคับแคบก็ตอกตรึงเข้ามาอย่างรุนแรง ทุกการเคลื่อนสะโพกเข้าออกจะเรียกว่าดิบเถื่อนเลยก็ไม่ผิดนัก
"อย่าริอาจมาท้าทายฉันจำใส่หัวเอาไว้" รามิลสวนตัวตนเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่ม ถือโอกาสสั่งสอนหล่อนกราย ๆ ว่าถ้าเกิดต่อต้านเขาอีก จะต้องเจอกับอะไรในภายภาคหน้า
"ฉันเจ็บ...คุณมิล...อ๊ะ...อื้อ" ขอร้องวิงวอนให้เขาเห็นใจ แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามอ้อนวอนมากเท่าไหร่ แรงจากส่วนล่างยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
"เธอเจ็บแค่นี้ยังไม่เทียบเท่ากับสิ่งที่ฉันเจ็บด้วยซ้ำ" พ่นวาจาหยาบกระด้าง ไม่ได้แยแสคนใต้อาณัติ แม้หล่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจตายลงตรงนั้นก็ตาม
ด้วยความคั่งแค้นบวกกับไฟราคะที่สุมอยู่ภายในอกย้ำเตือนว่า เขาไม่ควรปล่อยเธอง่าย ๆ อย่างน้อยก็ให้หล่อนได้ชดใช้เสียก่อน
ร่างสูงโปร่งของรองประทานหนุ่มโผล่พ้นประตูเข้ามาด้วยสภาพสุดเนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับปราศจากร่องรอยแห่งความสุขเหมือนคนที่เพิ่งผ่านพิธีวิวาห์ทั่วไป แถมยังขี้หงุดหงิดไปอีก
"ถ้าเกิดคราวหน้ายังทำงานกันไม่รอบคอบแบบนี้อีก ผมจะไล่พวกคุณออกให้หมด"
ดวงตาหลายคู่เสมองพื้นหลบสายตาตำหนิของเจ้านายหนุ่ม
ไม่รู้ว่าฟ้าพิโรธแผ่นดินทลายหรืออย่างไร ถึงทำให้คนที่เก็บอารมณ์ได้ดีกลับกลายเป็นอารมณ์ร้อนชั่วข้ามคืน
"ค่ะ ท่านรอง" เสียงตอบกลับมาของพนักงานเบาหวิวติดสั่นเพราะทำตัวไม่ถูก เมื่อโดนจับจ้องไม่วางตา
"เรียกช่อพิกุลมาที่ห้องผมด้วยนะ" ออกคำสั่งเสร็จสรรพก็หมุนตัวไปเลย ปล่อยให้พนักงานต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง
"ช่อ! ท่านรองเรียกน่ะ"
เอ่ยทักร่างเพรียวบางที่นั่งหลังตรง ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างขมักเขม้น
หญิงสาวละสายตาจากงานเบื้องหน้าหันมาหาคู่สนทนาอย่างให้ความสนใจ
"ท่านรองเรียกช่อเหรอคะ" ขมวดคิ้วสงสัย
"ก็ใช่น่ะสิ ไม่รู้ไปอารมณ์เสียอะไรมาถึงได้อาละวาดใหญ่เลย" ถือโอกาสฟ้องระคนระบายให้ภรรยาเจ้านายฟัง
ด้วยช่อพิกุลเป็นรุ่นน้องที่เธอค่อนข้างสนิทสนม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะมักเล่าให้ฟังอยู่เสมอ เช่นนั้นเธอจึงกล้าพูด กล้าคุย กล้าบ่น แม้บุคคลที่อยู่ในบทสนทนาจะเป็นถึงเจ้านายพ่วงตำแหน่งสามีเพื่อนก็ตาม
"อาละวาดอย่างนั้นเหรอ?" ทวนคำชั่ววูบนึงรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างประหลาด
"เข้าหอคืนแรกทำพลาดอะไรรึเปล่า ท่านรองถึงกลายเป็นคนขี้วีน" ปนัดดาเย้าแหย่ ก่อนตามมาด้วยเสียงหัวเราะร่วน
"ปะ...เปล่านะคะ"
"เสียงสั่นเชียว ทำพลาดจริง ๆ อะดิ" คนอายุมากกว่าแซวไม่หยุด พอเห็นรุ่นน้องแก้มแดงซ่านก็ได้ใจเข้าไปใหญ่
"..."
"ช่อนะช่อไม่เซียนเอาเสียเลย พวกพี่เลยโดนหางเลขไปด้วยเนี่ย"
"พี่ดาน่ะ" กลอกตามองอย่างเอือมระอา
"ยังไงก็ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ คุยกันล่ะ พี่ยังไม่อยากตายในหน้าที่ พี่มีครอบครัวที่ต้องดูแล"
ปนัดดาบีบไหล่เบา ๆ ให้ความหวังแกมให้กำลังใจรุ่นน้อง
"ทุกครั้งที่ฉันเรียก เธอต้องมาไม่เกิน 5 นาที"
"ไม่งั้นจะโดนฉันเอาหนัก ๆ" เมื่อพาตัวเองเข้ามาถึงที่หมาย เสียงทุ้มต่ำก็ลอยมาทันที ก่อนปรากฏร่างหนาที่ขณะนี้ยืนกอดอกมองนาฬิกาข้อมือ ตำหนิแกมข่มขู่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
ไอ้ประโยคแรกเธอไม่ได้นึกกังวล หากประโยคหลังนี่สิ ทำเอาใบ้รับประทานไปชั่วขณะ
"ฉันจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนแล้วกัน"
"คุณรามิล!" กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ก็ตอนที่เขาเข้ามากระชากแขน กดบ่าไหล่เธอแนบกับโต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว
"ทำไม หืม...เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นเสียงเหรอ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ"
"มะ ไม่..."
"นับแต่นี้เป็นต้นไป เวลาที่ฉันเรียกมาที่ห้อง ขอให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่เรื่องงาน" เขาเว้นจังหวะไปพักนึงก่อนเอ่ยต่อ
"ถ้าขัดคำสั่งหรือมาช้าก็เตรียมตัวรับบทลงโทษเอาไว้เลย"
"ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง"
รามิลกล่าวเจตนารมณ์จบก็ถอดกระโปรงยาวกรอมเท้าของอีกฝ่ายไปให้พ้นตัว ก่อนหันมาจัดการกับกางเกงตัวเอง จับงัดแท่งรักที่พรักพร้อมสำหรับบทลงโทษ
"...อย่านะ" หญิงสาวต่อต้านเสียงเบาหวิวราวกับเสียงร้องของสัตว์เล็ก รวบรวมพละกำลังที่มีหมายจะผลักไสเขาออกห่าง ทว่าทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นดั่งคาด เมื่อคนได้เปรียบแนบชิดแผ่นอกแน่นหนั่นลงมาประชิดแผ่นหลังบอบบาง มือหนาล็อกแขนสองข้างติดกับพื้นโต๊ะ จนเธอมิสามารถขยับขัดขืนออกจากพันธนาการไปไหนได้
"เธอเลือกที่จะแต่งงานกับฉันเองนะช่อพิกุล"
"เพราะงั้นจะหาว่าฉันใจร้ายมันก็ชักกระไรอยู่"
"ถ้าจะมากล่าวหากันหน้าด้าน ๆ แบบนี้ คุณเองก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ"
จู่ ๆ หญิงสาวที่ไม่ค่อยสู้คนก็พูดโพล่งด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง
เขาลืมไปแล้วหรือว่า หากเขาไม่เมามายและหักห้ามใจ เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เลยเถิดแบบนี้ เช่นนั้นจะมาโทษเธอฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้
"..."
"ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ..."
"ยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นแผนของเธอ" ดั่งราดน้ำมันลงไปในกองไฟ จากที่โมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งเพิ่มระดับอารมณ์ให้คนฟังพุ่งสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว
"คุณคิดแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ ต่อให้ฉันไม่ยอมรับ คุณก็จะทำให้ฉันยอมรับอยู่ดี ดังนั้นปฏิเสธไปเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์จริงไหมคะ"
ชายหนุ่มคล้ายกับโดนค้อนทุบแสกกลางศีรษะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป เมื่อถูกโทสะครอบงำจนสติไม่หลงเหลือให้ไตร่ตรอง
เขาไม่เอ่ยอะไรเพื่อเปิดทางให้หล่อนต่อว่าต่อขานอีก พริบตาเดียวก็ชำแรกแท่งร้อนที่ก่อนหน้านี้ถูไถอยู่ที่บั้นท้ายเข้ามาในโพรงสวาทคราวเดียวจนมิดลำ
ช่อพิกุลกัดริมฝีปากแน่นขนัด น้ำตาเอ่อล้นท่วมใบหน้าด้วยความอดสู นึกสมเพชเวทนาตัวเองในเวลานี้เหลือเกิน
หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่มีวันยกหัวใจให้เขาอย่างแน่นอน...
อ่านเต็ม ๆ ได้ที่ meb นะคะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ มโนมัย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มโนมัย
ความคิดเห็น